จากตอนที่แล้วเป็นที่ 10Gb Ethernet ไป คราวนี้ก็ถึงคิวของเทคโนโลยีไร้สายกันบ้างครับ ที่ยังแรงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านๆ มา แต่แรงยิ่งกว่าเพราะกระแสการนำเทคโนโลยี 802.11n ไปใช้กันอย่างกว้างขวาง เพราะได้ช่วงเวลาของเทคโนโลยีที่จะเอามาใช้กันแล้ว
802.11n เป็นมาตรฐานสัญญาณไร้สาย ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 300Mbps (ตามทฤษฎี) และมีบางยี่ห้ออ้างว่าตัวเองทำได้ถึง 600Mbps (ตามทฤษฎี) มาแล้ว ซึ่งถือว่าห่างจากมาตรฐานเดิม 802.11b/g และ 802.11a ที่ให้ความเร็วสูงสุดที่ 54Mbps อยู่มากพอสมควร
เพียงแต่ประเด็นที่ผมอยากจะพูดถึงนั้น ไม่ใช่ประเด็นเรื่องของความเร็วแ้ล้ว แต่เป็นเรื่องของความเป็น Enterprise Level ของอุปกรณ์ Wireless ต่างหากครับที่อยากจะพูดถึง
…แล้ว Enterprise Level Wireless มันมีอะไรดี?…
เอาเป็นว่าผมจะเล่าเรื่องนึงให้ฟังละกันครับ
มีหน่วยงานนึง ตอนแรกสุดเลย ได้มีการวางแผนจะทำ Wireless Network ให้บุคลากรภายในได้ใช้กัน ซึ่งแรกสุดก็มองที่ตัว Enterprise Level ยี่ห้อนึง เพราะถูกใจในการที่เป็น Centralize Management เช่นกัน แต่พอเวลาผ่านไป เริ่มมี SI หลายๆ เจ้าวิ่งเข้ามา สุดท้ายดีลเริ่มเปลี่ยนเป็น Wireless เกรดที่ต่ำกว่า ซึ่งสามารถทำ Centralize Management ได้เช่นเดียวกัน และก็ทำ Web Authentication ได้เช่นเดียวกับ Wireless แรกที่มองแต่ต่างกันที่ราคา ที่ถูกกว่ากันหลายเท่าตัว
ต่อมา การจัดซื้อเสร็จเรียบร้อย บุคลากรภายในค่อยๆ ทะยอยใช้ระบบเครือข่ายไร้สายนี้อย่างมีความสุข
…จนกระทั่ง Wireless Controller ค่อยๆ เีดี้ยงไปในเวลาไม่ถึง 1 ปี…
ถัดจากนั้น หลังจากที่ทาง admin ไม่สามารถทำ Centralize Management และ Web Authentication ได้อีกต่อไปแล้ว เริ่มมีบุคลากรภายในโหลดบิตกัน จนถึงขั้นแย่ง Bandwidth คนอื่นๆ ด้วยการทำ ARP Spoofing จนแต่ละ Subnet ของแต่ละอาคารเริ่มรวน
เมื่อบุคลากรไม่สามารถเล่นเน็ตได้ เดือดร้อนถึงเจ้านายที่ถูกร้องเรียน เรื่องถูกยิงมาหาแผนก IT เพื่อหาทางแก้ปัญหา โดยจัดซื้อ IPS และ Bandwidth Shaper มาใช้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 ปี จริงๆ ที่เรื่องราวมันคาราคาซังไม่จบสิ้นมานี้มันเป็นเพราะสาเหตุเดียวครับ
…Wireless ที่ใช้มันไม่ดีพอ…
เพราะตั้งแต่ช๊อตแรกเลย ถ้าใช้ Enterprise Level ตั้งแต่ต้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะมีดังต่อไปนี้
1. Controller จะไม่ตายง่ายๆ แบบนี้
2. ปัญหาเรื่อง Network ถูกโจมตีจะไม่เกิดขึ้น
3. ไม่โดนบุคลากรร้องเรียน
4. ไม่ต้องเสียงบประมาณเพิ่มไปซื้อ IPS + BW Shaper มาแก้ปัญหา
จริงๆ แล้ว Wireless Enterprise Level มันไม่ได้มีแค่ชื่อเสียงกับราคาแพงครับ สิ่งที่มันจะทำให้ admin ได้คือ ทำตัวเป็นระบบ Wireless ที่นิ่งๆ ไ่ม่พัง ไม่ดื้อ ไม่โง่ครับ
ประการแรกเลย ตัว Wireless Controller ก็จะสามารถรับโหลดได้เยอะกว่านี้ พังยากขึ้น
ประการถัดมา ถ้า Network ถูกโจมตีเมื่อไหร่ ตัว Access Point มันสามารถป้องกัน Network เราได้ เพราะมันมี IDS/IPS built-in มาให้ เมื่อมันตรวจพบการโจมตีปุ๊บ ไม่ว่าจะโจมตีใครก็ตาม มันตัด Connection ให้ทันทีครับ คนอื่นในระบบเครือข่ายจะไม่เดือดร้อนแน่ๆ
ประการต่อไป ระบบพวกนี้ทำ Bandwidth Management ได้ครับ โดยถ้ามีคนๆ เดียวเล่นอยู่ คนๆ นั้นก็ได้แบบเต็มๆ ไป แต่ถ้าเริ่มมี Connection เยอะๆ มั้นจะ Shape ให้ตามกฎที่เราวางไว้ครับ
สรุปได้ว่า การลงทุนกับ Enterprise Level Wireless แค่ระบบเดียว คุณได้กลับไปทั้งตัว Wireless, IDS/IPS, Bandwidth Management เลยนะครับ
และของพวกนี้จริงๆ อายุการใช้งานมันก็เยอะพอสมควรด้วย ค่า MA เอาจริงๆ ก็ถูกกว่าไปซื้อ IDS/IPS + BW Shaper แยกเองอยู่แล้ว แล้วทั้ง Solution ของ Wireless นี่ เผลอๆ เอาเงินจาก IDS/IPS = BW Shaper มาซื้อ ยังจะมีเงินเหลืออีกต่างหาก
แต่ครั้นกว่าจะคิดได้ว่าปัญหาทั้งหมดมันควรแก้ที่ต้นเหตุ คือไปจัดการที่ตัว Wireless Network เลย ก็สายไปแล้วครับ ของเพิ่งซื้อมาไม่กี่ปี ยัง Migrate ไม่ได้แน่ๆ ไม่งั้นคงโดนผู้ใหญ่้สอบถามชัวร์ๆ ครับ
ใครจะว่ายังไงก็ไม่รู้ครับ สำหรับผม ผมว่า Network ที่เราไม่ต้องคอยไล่แก้ปัญหาทุกวี่ทุกวันเนี่ยแหละ ประเสิรฐสุดแล้วครับ 555
สำหรับตอนนี้ก็ขอจบไว้เพียงเท่านี้ครับ สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น